ห้องที่ ๑๕๔ : ขุนวิจิตรวรสาสน์


           ครั้นเสรจการศพเจ้า มลิวัน
นางวัชนีสูรพลัน สั่งใช้
อำมาตยสุพินสัน รับรีบ จรแฮ
ถึงนบพิเภกได้ โปรดเข้าทูลฉลอง
           พิเภกทราบเรื่องแล้ว ลีลา
นำสุพินสันมา สู่เฝ้า
นบทูลกิจกัลยา เสรจศพ มารแฮ
เชิญเสดจยูรยาตรเข้า เหยียบด้าวกรุงมาร
           ทรงฟังพระสั่งให้ บุตรรวี
เตรียมพยุหโยธี แต่งตั้ง
สุครีพรับสั่งลี ลาศจัด พหลเฮย
สองราชเสดจยั้ง อยุดห้องสรงสนาน
           เสรจสรงทรงเครื่องแล้ว จับศร ไคลเฮย
สถิตยรถเคลื่อนนิกร เกริกแกล้ว
อำมาตย์สุพินจร นำเสดจ ลุแฮ
ถึงประทับรถแคล้ว เคลื่อนขึ้นปรางสุวรรณ์
           พระสถิตเหนือแท่นแก้ว แกมกาญจน์
พานเรศรราพทวยหาร พรั่งพร้อม
ฝ่ายนางวัชนีมาร ชวนธิ ดาเอย
สู่ประสาทนอบน้อม อนุชไท้ผธมสินธุ์
           พระยลนางกระษัตรทั้ง สององค์
พลันตัรสปราไสจง เสื่อมเศ้รา
เราจักกลับจตุรงค์ รีบสู่ นครแฮ
ทูลพระพิศณุเจ้า จักป้องเมืองมาร
           สดับเสียงพระพรตพร้อง ปราไส
สองนาฎโสมนัศใน จิตรแผ้ว
นบทูลร่ำพิไร ขอพึ่ง พระเดชเอย
เฉกเช่นร่มฉัตรแก้ว ปกเกล้าปชากร
          ฟังทูลเสนาะท้าว ปรรหาร
สั่งมาตยามาร ใหญ่น้อย
ท่านจงอภิบาล กรุงราพ นี้นอ
เราจักเลิกพลคล้อย เคลื่อนเข้าอยุทธยา
           สั่งเสรจสองกระษัตริยขึ้น เกยมาศ
เถลิงสถิตยเหนือราช รถแก้ว
ให้เคลื่อนพยุหยาตร ตราเกริก ดงแฮ
ถึงมยุราเขาแล้ว อยุดขึ้นพลับพลา
           สองประธมพอร่งแผ้ว รังษี
สรงเสรจออกเสนี นอบน้อม
ตำหรัสปฤกษาลี ลาศกลับ กรุงเอย
ใครจักเหนชอบพร้อม พร่ำแจ้งโดยขบวน
           พิเภกประนตไท้ ทูลพลัน
ว่าฤดูวสันต์ พยุกล้า
ฝนตกทั่วอารัญ ชลท่วม ทางแฮ
พลไพร่จรจักล้า ฤกน้ำกร่ำฝน
           ฟังทูลพระจึ่งเอื้อน โองการ
เราจักพักพลนาน ห่อนได้
สมเดจพระอวตาร จักติ โทษแฮ
พลันสั่งสุครีพให้ ตรวจพร้อมพลจรัญ
           ฝ่ายวะลาหกท้าว เทวัญ
ถึงฤดูวสันต์ ครั่นฟ้า
แผลงฤทธิเกิดพยุอัน ธการทั่ว ทิศแฮ
เปนห่าฝนตกหล้า หลั่งน้ำนองดง
           เมขลาจากห้องพิ มานสฐาน
ชูวิเชียรชัชวาลย์ ฝ่ายฟ้อน
ปะโรตทัศนาดาล แดสวาศ นุชเอย
ทลึงโลดไล่เรวต้อน ตลบเย้าเยาวมาลย
           นางรำหลีกหลบแล้ว โยนมณี
เปนประกายพรายสี ส่องต้อง
ขุนราพยิ่งลานทวี ถวิลโกรธ นักนา
ทรงสาตรศรแผลงก้อง เกี่ยงครื้นคำรน
           รามสูรสิทธิศักดิได้ ทัศนา
ดวงมณีเมขลา ล่อเลี้ยว
จับขวานเพชร์รเห็จมา หมายช่วง ชิงแฮ
ไล่เทพกัลยาเกรี้ยว กราดด้วยเดชมาร
           นางยลโทราพกั้น กีดขวาง
โยนกลอกจินดาพลาง ยั่วเย้า
สองยักษไข่วคว้านาง หนีเลี่ยง รอแฮ
ต่างพิโรธรุกเร้า ไล่ต้อนตามอนงค์
           ฝ่ายพระพรตเสดจพร้อม พลหาร มาเฮย
สิบสี่โยชน์ประมาณ มารคได้
มีดเมฆพัดพยุพาน ฝนตก นองนอ
พิโรธจับศรไท้ เทิดจ้องจักแผลง
           พิเภกยลหวั่นว้า จิตรหวาม
ทูลแยกยุบลความ ถี่ถ้อย
วิรุณตกมาตาม รดูโลกย์ เจริญเอย
เพียงแต่แผลงแหวกคล้อย คลาศพ้นมรรคา
           ทรงสดับกำชับให้ ศรสิทธิ
พลันลั่นบันฦๅฤทธิ ครั่นครื้น
ไล่พลาหกทั่วทิศ เปิดโล่ง ไปแฮ
อิกปะโรตรามสูรพื้น พ่ายเลี้ยวหลีกหนี
           ภาณุมาศสว่างแจ้ง โพยมบน
ขจัดเมฆหมดลมฝน ผ่องแผ้ว
ให้เคลื่อนพยุหพล คลาสู่ อรัญแฮ
รีบลุลงกาแล้ว รถยั้งอุทยาน
          ตรีชฎากับบุตรทั้ง สุวรรณกัน ยุมาเอย
ทราบอนุชทรงสุบรรณ์ ปทับด้าว
สวนอโยทธยาอัน เกษมศุข
ต่างจักไปนบท้าว ธิราชไท้ทั้งสอง
           มณโฑหมองจิตรต้อง จำใจ จรเอย
ทั้งสี่นางครรไล รีบเต้า
สู่สวนประนตไทย ทวิราช
แต่มิ่งมณโฑเฝ้า ภักตรก้มอัญชลี
           พระทรงประภาศถ้อย ตรีชฎา แล้วแฮ
เสดจกับอนุชา คลาศคล้อย
ชมสมบัติลงกา ทั่วนิ เวศน์เฮย
แสนสนุกนิใช่น้อย พรั่งพร้อมศฤงฆาร
           พลมารพานเรศรพร้อม ชวนกัน
เที่ยวเกบผลพฤกษพลัน พลอดล้อ
ลิงชิงยักษพัลวัน มารฉก ลิงเฮย
ต่างพูดต่างคุยก้อ เก่งปล้ำลำพอง
           สองกระษัตริยพักถ้วน ตรีวาร
สรงเสรจทรงรถวิมาน มาศพื้น
เคลื่อนจากอโยทยาน พลโห่ เกรียวแฮ
เสียงสนั่นครั่นครื้น รีบเข้าเขตรอรัญ
           ถับถึงริมฝั่งน้ำ พักพหล
วายุบุตรแปลงตน เติบแท้
นอนทอดต่างถนน ยาวใหญ่
ลิงยักษเสียงแซงแส้ ไต่เต้นตามคนอง
           เดินทัพขับรถฃ้าม มหา สมุทเฮย
โดยด่วนดลอโยทยา อยุดเต้า
รถประทับเกยชลา สองสู่ พระโรงแฮ
พร้อมอสูรพานรเฝ้า บาทไท้ถนิมกาฬ

จบห้องที่ ๑๕๔

  เนื้อความกล่าวถึงเมื่อเสร็จพิธีถวายพระเพลิงแล้ว นางวัชนีสูรทูลเชิญพระพรตเสด็จเหยียบเมือง พระพรตตรัสว่าจะรีบกลับกรุงอยุธยาเพื่อทูลพระรามเรื่องศึกกรุงลงกา และสั่งให้อำมาตย์ยักษ์ทั้งหลายดูแลเมือง สองกษัตริย์เสด็จกลับพลับพลาปรึกษาเรื่องการกลับกรุงอยุธยา พิเภกทูลว่าเป็นฤดูฝนยังไม่ควรเดินทาง แต่พระพรตเกรงว่าหากพักพลอยู่นาน พระรามจะกริ้ว ระหว่างเดินทาง ฝนตกหนักพายุพัดกล้า พระพรตกริ้วจะแผลงศรทำลายพายุฝน พิเภกทูลห้ามว่าฝนตกตามฤดูกาล ขอเพียงแหวกเมฆฝนให้พ้นทาง พระพรตจึงแผลงศรทำให้ฟ้าผ่องแผ้ว แล้วให้เคลื่อนพลต่อไปจนถึงอุทยานกรุงลงกา นางตรีชฎาและนางเบญกายพร้อมทั้งนางสุวรรณกันยุมาทราบข่าวก็ออกไปเฝ้า นางมณโฑจำใจตามออกไปด้วย พระพรตและพระสัตรุดประทับที่กรุงลงกา ๓ วันก็เคลื่อนพลกลับ เมื่อถึงฝั่งมหาสมุทร หนุมานเนรมิตกายยาวใหญ่ทอดตัวต่างถนนให้พลวานรและพลยักษ์เดินข้ามมหาสมุทร จากนั้นขบวนทัพก็เดินทางจนกระทั่งถึงกรุงอยุธยา

ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “สองประธมพอรุ่งแผ้ว”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “มืดเมฆพัดพยุพาน”